เจาะลึกการทำ SEO

Search Engine Optimization

SEO

จากบทความที่ผ่านมา ได้เกริ่นถึงเรื่องการโปรโมทเว็บไซต์ (ในระยะยาว) ด้วยการทำ SEO เพราะ SEO เป็นสิ่งสำคัญมาก และเป็นพื้นฐานที่ควรทำสำหรับทุกๆ คนที่มีเว็บไซต์ เพราะถ้าคุณไม่ทำ แต่คู่แข่งทำ เราก็อาจเสียโอกาสในทางธุรกิจไปอย่างน่าเสียดาย 

SEO เป็นการปรับปรุงตรวจสอบเว็บไซต์ของเราว่า มีการสร้างได้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ทาง Google กำหนดไว้หรือไม่ เหตุผลที่ทำไมต้องอ้างอิง Google เป็นเพราะว่า คนส่วนใหญ่ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Search Engine ของ Google ในการค้นหาข้อมูลเป็นหลัก ดังนั้น ถ้าเว็บของเราทำได้ถูกใจ Google ก็อาจทำให้เว็บของเรา ถูกค้นหาได้ง่ายและแสดงผลในหน้าแรกๆ


วิธีทำ SEO แบ่งออกได้ 3 อย่าง

  1. On-Page (บางคนเรียก On-Site)
  2. Off-Page (บางคนเรียก Off-Site)
  3. Content


On-Page หรือ On-Site คืออะไร

การปรับปรุงที่ตัวเว็บเพจที่สร้างขึ้นโดยตรง ซึ่งมีรายละเอียดหลายอย่างที่คนทั่วไปสามารถแก้ไขและปรับปรุงได้ด้วยตัวเอง กับอีกส่วนที่ต้องใช้ความรู้และความเข้าใจทางด้านเทคนิค ประกอบด้วย
  • ความเร็วในการโหลด ยิ่งเข้าเว็บและโหลดภาพเสร็จได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น
  • รูปภาพ ควรมีขนาดพอเหมาะ ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ขนาดภาพ (Size) ควรทำการลดขนาดให้มากที่สุด แต่ต้องยังคงระวังเรื่องความคมชัดด้วยเช่นกัน
  • ชื่อของภาพ ควรตั้งชื่อให้ตรงกับภาพ อาจเน้นในเรื่องของ Keyword เข้ามาประกอบ
  • ความเร็วในการแสดงผลบนหน้าจอมือถือ แสดงได้ดีและเร็วขนาดไหน ควรเป็น Responsive 
  • URL หรือลิงค์ของหน้าเว็บเพจแต่ละหน้า ควรมี Keyword เข้าไปผสมผสาน
  • URL หรือลิงค์ของหน้าเว็บเพจ ระวังเรื่องลิงค์เสีย
  • Sitemap มีหรือไม่  
  • หลีกเลี่ยงการสร้างลิงค์ ไปยังเว็บไซต์ภายนอก
ด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับ SEO
  • Tag ต้องใส่ Keyword ให้เหมาะสม เช่น Tag Title, Tag Descriptions เป็นต้น
  • Photos หรือรูปภาพ จะต้องมีการใส่  Alt เพื่อบ่งบอกว่าภาพชื่ออะไร
  • H1, H2, H3, H4, H5 เป็นโค๊ดที่กำหนดความสำคัญของข้อความ เช่น H1 สำคัญสุด ใข้สำหรับการใส่ในหัวข้อ หรือ Title ของเหน้าเพจ รองลงมาก็คือ H2, H3, H4,.. เป็นต้น
สำหรับความหมายแต่ละคำข้างต้น สามารถศึกษาได้จากวิธีการสร้างเว็บไซต์, ภาษา HTML หรือศึกษาเพิ่มเติมได้จากหนังสือเกี่ยวกับการจัดทำเว็บ


Off-Page หรือ Off-Site คืออะไร

การเพิ่มความหน้าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์จากปัจจัยภายนอก ตัวอย่างเช่น มีคนสร้างลิงค์จากเว็บไซต์ภายนอก และลิงค์กลับมาหาเว็บไซต์ของเรา เราเรียกว่าวิธีการนี้ว่า "Backlink" ซึ่ง Backlink อาจลิงค์มาจากเว็บ Blogger ที่เขียนแนะนำเว็บของเรา, จาก Web Directory ที่มีการให้ลงทะเบียน, จากโซเชียมีเดีย อย่าง Facebook ที่มีการโพสต์และลิงค์กลับมายังหน้้าเว็บของเรา เป็นต้น 

Backlink ยิ่งมีจำนวนมาก จะเป็นการเพิ่มเครดิตให้เว็บไซต์ของเรามากขึ้น แต่การเพิ่ม Backlink ควรจะเป็นไปในรูปแบบธรรมดา ไม่ใช่ไปซื้อลิงค์และเพิ่มปริมาณมากๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่ง Google อาจคิดว่าเป็นสแปม ทำให้คะแนนแทนที่จะได้เพิ่ม กลับลดลง

อีกอย่าง Backlink ที่ดี ควรมาจากเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวเนื่อง หรือมีเนื้อหาสัมพันธ์ หรือใกล้เคียงกัน ซึ่ง Google ถือว่า เป็น Backlink ที่มีคุณภาพ

Backlink สามารถลิงค์ไปยังหน้าไหนของเว็บไซต์ของเราก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องลิงค์ไปยังหน้าแรก หรือ Home Page เสมอไป แต่ของให้ลิงค์มีความเกี่ยวเนื่องหรือเรื่องเดียวกันเท่านั้น และ Backlink ควรเป็นตัวอักษรหรือข้อควา หลีกเลี่ยงการใช้รูปภาพ

Content (เนื้อหาบนเว็บ)

บางค่ายหรือบางบริษัทที่มีการรับ SEO อาจเอาหัวข้อ Content นี้ ไปรวมกับ On-Page (On-Site) แต่ทางเราเห็นว่า ควรแยกให้ชัดเจน เพราะว่า เนื้อหา เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขและปรับปรุงได้เลย

ปรับปรุงเนื้อหาอย่างไร ให้โดนใจ Google และถูกต้องตามหลัก SEO ไม่สแปม
  • หัวข้อหรือ Title ควรใส่ตัวอักขนาดใหญ่ เพื่อเน้น
  • เนื้อหาที่เขียน ควรมี Keyword เป็นส่วนประกอบในแต่ละเพจ
  • Keyword ในเนื้อหา สามารถเขียนซ้ำได้ แต่ไม่ควรเกิน 3-5 คำในแต่ละเพจ
  • Keyword จะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน้าเพจนั้นๆ ไม่ควรใส่เนื้อหาที่ไม่ตรง

ทั้งสามส่วน On-Page, Off-Page และ Contents มีความเกี่ยวข้องกับการทำ SEO กรณีที่เราต้องการทำเองไม่ได้มีการจ้างบริษัทภายนอก ถ้าทำได้เพียงบางส่วนโดยเฉพาะส่วนของเนื้อหาหรือ Contents ก็ถือว่าสำเร็จในระดับพื้นฐานของการทำ SEO แล้ว

คำศัทพ์ คำอธิบายเพิ่มเติม
  • Backlink
    หมายถึง ลิงค์จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ลิงค์กลับมาหาเว็บไซต์ของเรา
  • Responsive Web
    หมายถึง เว็บเพจที่สามารถแสดงผลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และแสดงผลบนหน้าจอมือถือ หรือแท็บเล็ต โดยไม่ได้ทำการย่อขนาด แต่จะเป็นปัดเนื้อหาหรือรูปภาพ ด้านขวาลงมาด้านล่าง ผลดีคือ สามารถอ่านข้อความ ดูรูปภาพหรือวีดีโอ ได้ชัดเจนเช่นเดียวกันกับการดูบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ 
  • Tag
    คือ คำสั่งหนึ่งที่ใช้สำหรับการสร้างเว็บ ถ้าต้องการดูคำสั่งบนหน้าเว็บของเราว่า มีหน้าตาอย่างไร สามารถทำได้ โดยเข้าไปที่หน้าเว็บ จากนั้นคลิกขวาที่หน้าจอ เลือกเมนูลัดที่ชื่อ "View page source" บน Google Chrome

ตัวอย่างผลลัพธ์ View Page Source
view source webpage

สรุปส่งท้าย ก่อนการทำ SEO แนะนำให้ทำการติดตั้ง Google Analytics เพื่อตรวจสอบสถิติของผู้เข้าชมเว็บไซต์ก่อน เพื่อจะได้มีข้อมูลเปรียบเทียบก่อนและหลังการทำ SEO  แต่ถ้าใครยังไม่ทราบว่า  Google Analytics คืออะไร ให้คลิกย้อนกลับไปค้นหา และอ่านบทความที่ผ่านมาก่อน

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น